สถาบันกรัตตัน (Grattan Institute) เสนอปฏิรูประบบรับผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะอาชีพของออสเตรเลียให้เอื้อต่อผู้ย้ายถิ่นฐานวัยหนุ่มสาวและยกเลิกวีซ่าลงทุนธุรกิจ คาดช่วยประเทศประหยัดหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
รายงานของสถาบันที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤษภาคมระบุว่า รัฐบาลจัดสรรที่เพิ่มเติมแก่วีซ่าประเภทลงทุนธุรกิจ (business investment) และประเภทผู้มีทักษะสูงจากนานาประเทศ (global talent) นโยบายนี้ "เดินผิดทาง” โดยแย่งจำนวนอนุมัติวีซ่าถาวรจากแรงงานทักษะ ซึ่งมักมีอายุน้อยกว่าและมีแนวโน้มสร้างรายรับสูงกว่าในระยะยาว
สถาบันกรัตตันให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน 1 ใน 4 ของวีซ่าถาวรสำหรับผู้มีทักษะอาชีพจัดสรรไว้สำหรับกระตุ้นการลงทุนธุรกิจและดึงดูดผู้มีทักษะสูงจากทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ก่อนมีการเปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่า รัฐบาลปรับแผนจำนวนรับผู้ย้ายถิ่นฐานเพิ่ม 1,500 ที่สำหรับวีซ่าทำงานประเภทมีนายจ้างสปอนเซอร์ (employer-sponsored) เพิ่ม 1,000 ที่สำหรับวีซ่าทักษะอิสระ (skilled independent) และเพิ่ม 1,950 ที่สำหรับวีซ่าในส่วนภูมิภาค ขณะที่อัตรารับวีซ่านวัตกรรมธุรกิจ (business innovation) และผู้มีทักษะสูงจากนานาประเทศ (global talent) ลดลง 2,500 ที่และ 4,000 ที่ ตามลำดับ
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลคงเพดานรับผู้อพยพ หวังเปิดพรมแดนกลางปี 2022
“พอกลับมาเปิดพรมแดน ออสเตรเลียต้องกล้าเลือกผู้ย้ายถิ่นฐานถาวรที่มีทักษะอาชีพโดยมุ่งเน้นศักยภาพทางเศรษฐกิจระยะยาวของคนกลุ่มนี้” เป็นความเห็นของนายเบรนแดน โคตส์ (Brendan Coates) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจของสถาบันกรัตตัน และผู้เขียนร่วมของรายงานฉบับดังกล่าว
“ผู้ย้ายถิ่นฐานที่มีทักษะอาชีพมักอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีทักษะหลากหลาย และมีรายได้สูงกว่าชาวออสเตรเลียทั่วไป ดังนั้น คนกลุ่มนี้สร้างเม็ดเงินแก่ออสเตรเลีย เพราะพวกเขาจ่ายภาษีมากกว่าที่รับผ่านบริการภาครัฐและประโยชน์สาธารณะตลอดช่วงชีวิต”
วีซ่านวัตกรรมและการลงทุนธุรกิจ (Business Innovation and Investment) อนุมัติให้ผู้ประกอบธุรกิจในออสเตรเลียโดยผู้สมัครมักค่อนข้างมีอายุ ส่วนวีซ่าผู้มีทักษะสูงจากนานาประเทศ (Global Talent) เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ย้ายถิ่นฐานที่เป็นที่ยอมรับระดับสากลในสายอาชีพของตน
สถาบันกรัตตันเสนอว่า ควรยกเลิกวีซ่า Business Innovation and Investment เพราะมีนักลงทุนไม่มากที่ “อุดหนุนเงินทุนแก่โครงการที่ไม่อาจเกิดขึ้นผ่านแนวทางอื่น”
ส่วนวีซ่า Global Talent ที่ขยายจากโครงการนำร่องกลายเป็นวีซ่าที่ได้โควตาถึง 11,000 ที่ในปีงบประมาณ 2020-21 รายงานชี้ว่ามูลค่าของวีซ่านี้ “ยังไม่ได้รับการพิสูจน์”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ภาค hospitality ในออสเตรเลียขาดแคลนแรงงานทักษะอย่างหนัก
รายงานของสถาบันกรัตตันยังเรียกร้องให้เพิ่มจำนวนรับผู้ย้ายถิ่นฐานผ่านวีซ่าแรงงานทักษะแบบนับคะแนน (point-tested) และวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์ พร้อมทั้งแนะนำให้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางประการ
อาทิ ยกเลิกรายการทักษะอาชีพขาดแคลน (skill shortages list) ซึ่งเน้นผู้สมัครจากบางสาขาอาชีพ และเพิ่มอัตรารายได้ขั้นต่ำของวีซ่าทำงานที่มีนายจ้างสปอนเซอร์สำหรับทุกอาชีพ จาก 53,900 ดอลลาร์เป็น 80,000 ดอลลาร์ต่อปี
รายงานชี้ว่า ข้อเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีทักษะตามต้องการที่สุดและช่วยประหยัดงบประมาณของชาติอย่างน้อย 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
“ข้อดีอย่างหนึ่งของมหันตภัยโควิดคือ เป็นโอกาสให้ออสเตรเลียทบทวนปรับปรุงโครงการรับแรงงานทักษะ” นายโคตส์กล่าว
“รายงานของเราชี้ถึงวิธีที่เราสามารถใช้โอกาสนี้สร้างชาติออสเตรเลียให้เป็นประเทศที่ดีกว่าเดิม ทั้งสำหรับพวกเราที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว และสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมาที่นี่”
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ออสเตรเลียจะปิดประเทศต่อไปจนปี 2022 รมต.คลัง เผย
ร่างงบประมาณแผ่นดินที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคมแสดงให้เห็นข้อสันนิษฐานของรัฐบาลว่า พรมแดนระหว่างประเทศอาจปิดจนกว่าช่วงกลางปี 2022
โครงการย้ายถิ่นฐานจำกัดเพดานอยู่ที่ 160,000 ที่ในปีงบประมาณ 2021-22 การคลังประมาณการว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปีอัตราการย้ายถิ่นฐานจึงจะฟื้นคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด
ปีงบประมาณนี้ คาดว่าออสเตรเลียจะมีจำนวนการอพยพย้ายถิ่นฐานต่างประเทศสุทธิ (net overseas migration) ติดลบ 96,600 คน หลังจากวิกฤตโควิดระบาดปีที่แล้วส่งผลให้
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
เกษตรกรนิวเซาท์เวลส์ผจญปัญหาหนูระบาด