ประเด็นสำคัญ:
- พรรคแรงงานจะนํามาตรฐานวัดประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสําหรับรถยนต์มาใช้
- มาตรการที่ว่านี้ตั้งเป้าเพิ่มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในออสเตรเลีย
- จนถึงในปัจจุบันออสเตรเลียยังคงมีจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
หากคุณอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย เป็นเรื่องธรรมดามากที่คุณจะไม่รู้จักใครที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
แม้ออสเตรเลียจะเป็นประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่การขนส่งหลักของประเทศยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงจากหินฟอสซิลเป็นหลัก รถยนต์ใหม่ที่นี่ใช้เชื้อเพลิงมากกว่ารถยนต์ที่ใช้ในสหภาพยุโรปถึงร้อยละ 40 และในปัจจุบันการปล่อยมลพิษที่มาจากรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของการปล่อยมลพิษโดยรวมของออสเตรเลีย
หลังจากมีการวิจารณ์ว่าออสเตรเลียกำลังกลายเป็นแหล่งทิ้งรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้าหลังของโลก ทำให้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าพรรคแรงงานจะออกมาตรการให้บริษัทรถยนต์ต่างๆ จำหน่ายรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยนำเกณฑ์มาตรฐานการประหยัดเชื้อเพลิงมาใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นาย คริส โบแวน เตือนว่าออสเตรเลียกำลังกลายเป็นแหล่งทิ้งรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้าหลังของโลก Source: AAP / Lukas Coch
นาย คริส โบเวน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกล่าวว่า
"การไม่มีมาตรการควบคุมนั่นหมายความว่าภาคครัวเรือนและธุรกิจในออสเตรเลียกำลังจ่ายค่าเชื้อเพลิงมากขึ้นในการใช้ยานพาหนะ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ให้ความสำคัญกับการส่งยานพาหนะที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไปยังประเทศที่มีมาตรการควบคุม"
นาย แเอนโทน วิกสตรอม ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจำหน่ายรถยนต์ The Good Car Company ซึ่งจำหน่ายรถยนต์ EV ทั้งใหม่และใช้แล้ว เตือนว่าถึงแม้จะมีการประกาศมาตรการนี้เมื่อวานนี้ (19 เมษายน) แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องแก้ปัญหา
"[การออกมาตรการใช้มาตรฐานการประหยัดเชื้อเพลิง] ไม่ได้ทำให้เราล้ำหน้าประเทศอื่นๆ แต่ทำให้เราตามเขาทัน"
นาย แเอนโทน วิกสตรอม ชี้แจง
อะไรที่ทำให้ออสเตรเลียใช้เวลานานกว่าจะบังคับใช้มาตรการนี้ และออสเตรเลียต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะตามประเทศอื่นๆ ให้ทัน
จากแผนผังนี้แสดงให้เห็นว่าออสเตรเลียยังอยู่กลุ่มท้ายตารางเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศฝั่งยุโรป
ในประเทศที่เป็นสมาชิกของ International Energy Agency มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเกือบร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ของสัดส่วนการซื้อรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในปี 2564 ทั้งหมด
ส่วนในออสเตรเลียนั้นมีการซื้อรถยนต์ EV ในปีเดียวกันเพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาอื่นๆ
ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นสองเท่าระหว่างปี 2563 ถึง 2564 โดยการเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้มีจีนป็นตัวแปรหลักเพราะเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2564 มีการขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีน 3.3 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นๆในโลกที่มีการจำหน่ายรถยนต์ EV ในปีก่อนหน้า (3 ล้านคัน) โดยที่การจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ16 ของยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในปีนั้น
ออสเตรเลียนั้นยังตามหลังสหรัฐฯ (ร้อยละ 4.2) และแคนาดา (ร้อยละ 5.5) แต่นำหน้าญี่ปุ่น (ร้อยละ 1) และอินเดีย (ร้อยละ 0.4)
ทำไมยอดขายรถ EV ในออสเตรเลียจึงต่ำ
นายวิกสตรอมกล่าวว่าการทำให้ชาวออสเตรเลียเปลี่ยนความคิดไปสู่รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายและ "ไม่ควรมองข้าม" Source: AAP / David Branigan
ปัจจัยของราคา การเมือง และการผลัดวันประกันพรุ่ง
ปัญหาใหญ่ของออสเตรเลียคือโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งต่างจากหลายประเทศที่มีการอัตราการใช้รถยนต์ EV จำนวนมาก เมื่อลองเปรียบเทียบประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับออสเตรเลีย จะเห็นว่าออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ใหญ่ ต้องใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ข้ามวันข้ามคืน ซึ่งนั้นก็หมายความว่าอาจต้องมีสถานีชาร์จแบตเตอรีหลายแห่งครอบคลุมระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร
แต่การเดินทางเหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นายวิกสตรอมคิดว่าว่าปัญหานี้ "อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผู้คนคิด"
"ผมเรียกมันว่า 'Nullarbor Dilemma' ผู้คนมักจะคิดว่าพวกเขากำลังจะเดินทางข้ามที่ราบนูลาเบอร์ซึ่งเป็นการเดินทางที่ประทับใจไม่มีวันลืมและพวกเขาต้องใช้รถที่พวกเขาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อการนี้”
"จริง ๆ แล้ว คนส่วนใหญ่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขับรถไปรอบๆ เมืองเท่านั้น"
สำหรับปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือการไม่มีตลาดมือสองของรถยนต์ EV ซึ่ง หมายความว่าไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังมองหาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าต้องเสียเงินจำนวนมาก รถยนต์ EV รุ่นใหม่ที่มักมีราคามากกว่า 60,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่สูงสำหรับชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่
อีกทั้งผู้ผลิตหลายรายให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ที่ขับด้านขวาก่อน ซึ่งทำให้ตลาดรถยนต์ EV ของออสเตรเลียซึ่งขับด้านซ้ายไม่ค่อยมีจำนวนรถยนต์ EVหลายรุ่นเท่ากับประเทศที่ขับรถด้านซ้ายมือ
"เราอยู่ผิดด้านของถนน และผิดส่วนของโลก" นายวิคสตรอมกล่าว
สำหรับปัจจัยทางการเมืองด้วย นาย บิล ชอตเทน ผู้นำพรรคแรงงานในขณะนั้นเสนอการตั้งเป้าหมายการใช้รถยนต์ EV ให้ไปถึงร้อยละ 50 ภายในปี 2030 แต่ นาย สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โต้ว่านาย บิล ต้องการ "ยุติวันหยุดสุดสัปดาห์" สำหรับชาวออสเตรเลียจำนวนมาก นายมอร์ริสันเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรที่ชนะการเลือกตั้งในปี 2562
พรรคแรงงานชี้ว่าการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในออสเตรเลียต้องมีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคของประเทศ Source: AAP / John Walton/PA/Alamy
มีประเทศไหนมีอุปสรรคเหมือนในออสเตรเลียอีกบ้าง?
นาย บิล ชอตเทน ผู้นำพรรคแรงงานในขณะนั้นเสนอการตั้งเป้าหมายการใช้รถยนต์ EV ให้ไปถึงร้อยละ 50 ภายในปี 2030 แต่ นาย สก็อตต์ มอร์ริสัน อดีตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โต้ว่านาย บิล ต้องการ "ยุติวันหยุดสุดสัปดาห์" Source: AAP / Richard Wainwright
"โครงข่ายไฟฟ้าของออสเตรเลียส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่เมืองใหญ่บนชายฝั่งทะเลตะวันออก และการขยายโครงข่ายไฟฟ้าปกติใช้งบประมาณนั้นมีราคาสูง"
ในออสเตรเลียรถยนต์ EV ที่มีจำหน่ายสำหรับผู้บริโภคมีจำนวนจำกัด ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดในประเทศจะจำหน่ายรถซีดานและรถเอสยูวีเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นว่าออสเตรเลียเพิ่งได้รับรถยนต์กระบะไฟฟ้าคันแรกเมื่อไม่นานมานี้เอง
นายวิกสตรอมสรุปว่า
"เรามีรถตู้ EV จำกัดรุ่นและไม่มีรถยนต์ขนาดเล็กที่จำหน่ายในตลาดเพื่อเป็นตัวเลือกแก่ผู้บริโภคเลย ดังนั้นเราจะเห็นว่าเรามีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมากในออสเตรเลีย"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่