อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงทั่วรัฐและมณฑลต่างๆ ของออสเตรเลีย ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง และการล็อกดาวน์ถูกยกเลิกไป
ผลที่ตามมาคือ จำนวนผู้ติดเชื้อจึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น และเนื่องจากการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่แพร่ระบาดได้สูง และเชื้อสายพันธุ์เดลตา (Delta) หน่วยงานด้านสุขภาพจึงเรียกร้องให้ผู้คนไปรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์ช็อต เพื่อให้ได้รับการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น
“วัคซีนเข็มกระตุ้นมีความสำคัญมากในการเสริมภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่เชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก” ศ.เบรนแดน เมอร์ฟี เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขของสหพันธรัฐ กล่าวเมื่อเดือนธันวาคม
การรณรงค์ให้คนไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
ในช่วงต้นเดือนธันวาคม นาย เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหพันธรัฐ ได้เปิดตัวการรณรงค์ให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วประเทศก่อนช่วงเทศกาล และขอให้ประชาชนในออสเตรเลียรีบไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็วที่สุด ท่ามกลางความกังวลว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วสองโดสจำนวนมากอาจมีภูมิคุ้มกันที่จำกัดต่อเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแห่งออสเตรเลีย (Australian Technical Advisory Group on Immunisation หรือ ATAGI) จึงเปลี่ยนจากเดิมควรฉีดเมื่อผ่านไป 4 เดือนหลังฉีดวัคซีนโดสที่สองแล้ว และตั้งแต่ 31 มกราคมจะร่นลงอีกครั้งเป็น 3 เดือน ขณะที่ล่าสุดวิกตอเรีย นิวเซาท์เวลส์ เซาท์ออสเตรเลีย และควีนส์แลนด์ อนุมัติให้เริ่มร่นเวลารอฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเหลือ 3 เดือนหลังฉีดเข็มสองทันทีตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการระบาดหนักของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 มกราคม 2022)
ATAGI ยังอนุมัติให้ เพื่อใช้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐจึงได้ในออสเตรเลีย
วัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับผู้สูงอายุ
ระบุว่า ผู้ที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีอาการป่วยเรื้อรัง ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส อายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีอาการป่วยเรื้อรัง มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยหนัก ถ้าติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ระบุว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 ชาวออสเตรเลียสูงอายุ 1,910 รายเสียชีวิตจากโควิด-19ความเสี่ยงของการติดเชื้อนี้จะสูงขึ้นโดยเฉพาะกับเชื้อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน และวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตจากไวรัสชนิดนี้ได้อย่างมาก
PM Scott Morrison received his COVID-19 booster vaccination alongside Jane Malysiak in NSW. Source: SMH POOL
ในช่วงแรกนั้น ประชาชนสูงอายุในออสเตรเลียเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนทั่วประเทศ
แต่ในปัจจุบันผู้คนในออสเตรเลียที่อายุมากกว่า 18 ปีมีสิทธิ์ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลแล้วเพื่อให้ฉีดเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นได้
ผู้อยู่อาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุสามารถรับการฉีดวัคซีนโดสหลักและวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ที่คลินิกฉีดวัคซีนต่างๆ ของสหพันธรัฐ (Commonwealth clinics)
สถานดูแลผู้สูงอายุต่างๆ จะหารือเรื่องนัดฉีดวัคซีนกับผู้พักอาศัยหรือกับผู้มีอำนาจตัดสินใจแทน โดยเป็นมาตรการหนึ่งตามแผนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนของรัฐบาล
ค้นหาคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุที่พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ หรือจองการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
การฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก
คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย (Australia’s Therapeutic Goods Administration หรือ TGA) และ ATAGI ได้อนุมัติเฉพาะกาลให้ วัคซีนไฟเซอร์สามารถใช้ฉีดให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปีได้
การอนุมัตินี้ได้พิจารณาจากผลการวิจัยในคน (clinical trial) เมื่อเร็ว ๆ นี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูง และผลข้างเคียงส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว ATAGI ระบุในแถลงการณ์
ประชาชนสามารถแล้ว และการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กช่วงอายุนี้จะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2022
การฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก 5-11 ปี จะให้บริการผ่านแพทย์จีพี บริการด้านสุขภาพของชาวอะบอริจิน ร้านขายยาต่างๆ ในชุมชน และศูนย์ฉีดวัคซีนของรัฐและมณฑลต่างๆ
Vaccinating children can help reduce community transmission and prevent them passing the virus onto the wider community. Source: Getty Images
เด็กอายุ 5-11 ปีที่มีปัจจัยเสี่ยงทางการแพทย์ที่จะเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เด็กชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส และเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แออัดหรือพื้นที่ที่มีการระบาด มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์มากว่าเด็กๆ กลุ่มอื่นจากวัคซีนต้านโควิด-19 เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงหรือความเสี่ยงที่สูงกว่าในการสัมผัสเชื้อ ATAGI ระบุ
เด็กในกลุ่มอายุนี้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 สามารถรับการฉีดวัคซีนได้หลังจากหายป่วยแล้ว
ปริมาณวัคซีนที่แนะนำสำหรับเด็กจะแตกต่างจากวัคซีนที่ฉีดให้แก่ผู้ใหญ่ โดยในหนึ่งโดสสำหรับเด็กจะมีปริมาณวัคซีน 10 ไมโครกรัมเทียบกับ 30 ไมโครกรัมสำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไป
เด็กที่อายุครบ 12 ปีหลังจากได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว อาจได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ใช้สำหรับเด็กวัยรุ่น/ผู้ใหญ่ เพื่อฉีดเป็นวัคซีนหลักโดสที่สอง
จะขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ที่ไหน
หลังจากที่องค์การอนามัยโลกประกาศว่าโอไมครอนเป็น 'สายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วง' รัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลียจึงได้ผลักดันอีกครั้งเพื่อสร้ามความตระหนักรู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์ช็อตดร.ลูคัส เดอ โทคา ผู้ช่วยเลขาธิการลำดับแรกของการดูแลผู้ป่วยปฐมภูมิจากโควิด-19 ว่า เหตุใดปริมาณวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงมีความสำคัญ แม้ว่ากำลังมีเกิดขึ้น
Booster doses provide an added layer of protection. Source: AAPAAP Image/Bianca De Marchi
“โชคไม่ดีที่ไม่มีวิธีการรักษาที่ทำให้หายได้ทันทีสำหรับการป่วยจากโควิด-19” ดร.เดอ โทคา กล่าว
การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์ช็อตสามารถทำได้ 5 เดือนหลังจากวันที่ได้รับการฉีดวัคซีนหลักโดสที่สองแล้ว และวันที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สองถูกระบุอยู่ในใบรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัลของแต่ละคน
การจองวัคซีนทั้งหมด รวมถึงการจองสำหรับเด็ก ที่จองได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมเป็นต้นไป สามารถทำได้ผ่าน
หากต้องการติดต่อกับล่ามที่พูดภาษาของคุณเพื่อสอบถามข้อมูลโควิด-19 ผ่าน ให้โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1800 131 450
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 และการจองการฉีดวัคซีน โปรดติดต่อบริการสายด่วนแห่งชาติด้านไวรัสโคโรนา (National Coronavirus Helpline) ที่หมายเลข 1800 020 080
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโควิด-19 โปรดติดต่อแพทย์ของคุณหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ขณะที่คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนยังคงมีขึ้นต่อเนื่อง คุณสามารถติดตามข้อมูลสุดต่างๆ ได้โดยไปที่ เพื่ออ่านข้อมูลในภาษาของคุณ
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่