ประเด็นสำคัญ
- สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ทางเหนือของนครเพิร์ทยังคงรุนแรง ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด แห้ง และมีลมแรงไปจนถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) คาดว่าอุณหภูมิอาจสูงถึง 43 องศาในพื้นที่ไฟป่า
- เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เป็นสภาพอากาศที่มีความท้าทาย อันตราย และไม่เคยพบมาก่อนในรอบหลายปี
- เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายของบ้านเรือน แต่คาดว่าพื้นที่ทำกินและโรงเรือนบางส่วนอาจถูกไฟเผาทำลาย
ประชาชนในย่านที่พักอาศัย ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ไฟป่าทางเหนือของนครเพิร์ท ยังไม่สามารถกลับบ้านเรือนของตนเองได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย กำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรงกว่าเดิมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ไฟป่าในเมืองเรด กัลลี (Red Gully) ซึ่งได้ลุกไหม้มาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2 ม.ค.) ได้เผาทำลายพื้นที่ไปกว่า 9,500 เฮกเตอร์ ในพื้นที่ปกครองส่วนท้องถิ่นจินจิน (Gingin) และดันดารากัน (Dandaragan)
โดยประกาศเตือนภัยไฟป่าฉุกเฉินยังคงมีผลอยู่ในชุมชนท้องถิ่นบางส่วน ขณะที่เจ้าหน้าที่มีความกังวลมากที่สุดสำหรับประชาชนในย่านที่พักอาศัยโอเชียน ฟามส์ (Ocean Farms) และซีวิว พาร์ค (Seaview Park) ซึ่งอยู่ใกล้เคียง
“ประชาชนในย่านที่พักอาศัย Ocean Farms และ Seaview Park ยังไม่สามารถกลับไปยังบ้านเรือนของตนเองได้ในขณะนี้” หน่วยงานดับเพลิงรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ระบุในแถลงการณ์ วันนี้ (7 ม.ค.)
“สภาพอากาศที่คาดว่าจะร้อน แห้ง และมีลมแรงมากในช่วงอีก 2 วันข้างหน้า มีโอกาสการยกระดับความรุนแรงของไฟป่าให้มากขึ้น”
โดยอุณหภูมิสูงสุดที่ได้คาดการณ์ไว้ในพื้นที่ไฟป่าอาจสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ในวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.)
เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถดับไฟทางทิศตะวันตกของแนวไฟป่าไว้ได้แล้ว ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ห่างจากย่านที่พักอาศัยโอเชียน ฟามส์ เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร
นายแดเรน เคลมม์ (Darren Klemm) ผู้บังคับการบริการฉุกเฉินรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากในช่วงอีกหลายวันข้างหน้า ซึ่งจะมีอากาศจะร้อน แห้ง และมีลมแรงมากกว่าเดิม
“ในช่วง 2-3 วันข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเรา สภาพอากาศแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราเคยพบเจอมาก่อนในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา” นายเคลมม์ กล่าว
“และมันไม่ใช่กระแสลมที่พัดไปทางตะวันออกอย่างที่เราพบเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ที่มีความเร็วลมสูงสุดที่ 80 กม./ชม” นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องทำงานอย่างยากลำบาก”
“ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องอันตรายในการนำนักดับเพลิงไปประจำบริเวณต้นทางไฟ มันยังเป็นเรื่องยากในการควบคุมและดับไฟ เมื่อมันลุกลามข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งได้”
แม้ยังไม่มีรายงานความเสียหายของบ้านเรือนจนถึงขณะนี้ แต่คาดว่า บริเวณผืนดินปลูกต้นสน และสวนต้นมะกอก รวมถึงโรงเรือนบางส่วนได้ถูกไฟป่าเผาทำลายไปแล้ว
มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 200 คน กำลังต่อสู้กับไฟป่าอย่างไม่ลดละ พร้อมการสนับสนุนอย่างไม่ขาดสายทางอากาศ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินปล่อยน้ำขนาดใหญ่ 2 ลำ ที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่เกิดเหตุจากรัฐวิกตอเรีย
ล่าสุด ได้มีการวางแผนในการส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใหม่จากเมืองพิลบารา (Pilbara) และภูมิภาคคิมเบอร์ลีย์ (Kimberley region) เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากพื้นที่ปลอดภัยอื่น ๆ ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
นายมาร์ค แม็กโกแวน (Mark McGowan) มุขมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้ขอให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่อันตรายจากไฟป่าให้มีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
“ผมขอให้ประชาชนชาวเวสเทิร์นออสเตรเลียทุกท่านเข้าใจและตระหนักว่า นี่คือช่วงเวลาที่มีความอันตราย” นายแม็กโกแวน กล่าว
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ออสฯ คลายกฎชั่วโมงงานบางอาชีพให้วีซ่านักเรียนช่วงโควิด