รัฐวิกตอเรียประกาศเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ตั้งแต่เวลา 23.59 น. ของวันพฤหัสบดี (27 พ.ย.) ขณะทางการพยายามควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ทางเหนือของนครเมลเบิร์น
ประชาชนต้องสวมหน้ากากทั้งในร่มและกลางแจ้ง ยกเว้นในที่พักอาศัยของตน
โรงเรียนปิดทำการ ยกเว้นบริการสำหรับบุตรของพนักงานผู้ปฏิบัติงานสาขาที่จำเป็น ขณะที่บริการดูแลเด็กเล็ก (childcare) สามารถเปิดทำการได้
ซูเปอร์มาร์เก็ตและบริการจำเป็นยังคงเปิดให้บริการ เช่น ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน ร้านขายยา ส่วนร้านอาหาร ผับ คาเฟ่ให้บริการได้เฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น
ผู้อาศัยในรัฐวิกตอเรียสามารถออกจากบ้านได้ภายใต้เหตุผลห้าข้อ ได้แก่ จัดหาอาหารและเครื่องใช้ ให้การดูแลและรับการดูแล ทำงานประเภทที่ได้รับอนุญาต ออกกำลังกาย หรือไปฉีดวัคซีน
การออกกำลังกายและจับจ่ายของใช้จำเป็น จำกัดการเดินทางอยู่ภายในระยะ 5 กิโลเมตรจากที่พักอาศัยของตน อีกทั้งจำกัดเวลาออกกำลังกายที่สองชั่วโมงพร้อมกับบุคคลอื่นอีกหนึ่งคน
ไม่อนุญาตให้จัดงานแต่งงานยกเว้นบางสถานการณ์ เช่น ก่อนเสียชีวิตหรือกรณีส่งตัวกลับประเทศ
กิจกรรมทางศาสนาไม่สามารถจัดได้ ยกเว้นในรูปแบบถ่ายทอดออกอากาศโดยมีผู้ประกอบกิจกรรมสูงสุด 5 คน
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
อัปเดตแผนฉีดวัคซีนล่าสุดของออสเตรเลีย
นายเจมส์ เมอร์ลิโน รักษาการมุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่า ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งต่อการตัดสินใจนี้ นับเป็นล็อกดาวน์ครั้งที่ 4 ของรัฐ
“หากเราตัดสินใจเลือกผิดตอนนี้ หากเรารอช้าเกินไป สิ่งนี้จะหลุดรอดจากมือเรา” นายเมอร์ลิโนกล่าวต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
รัฐวิกตอเรียรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในชุมชนรายใหม่ 11 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมยอดผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์พื้นที่ทางเหนือของนครเมลเบิร์น 26 ราย
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ติดตามผู้สัมผัสโรคติดต่อผู้เสี่ยงสัมผัสเชื้อทั้งโดยตรงและโดยอ้อม (primary and secondary contacts) มากกว่า 10,000 คน อีกทั้งอยู่ระหว่างประเมินสถานที่เสี่ยงสัมผัสโรคมากกว่า 150 แห่งทั่วรัฐ
นายเมอร์ลิโนกล่าวว่า ล็อกดาวน์ครั้งนี้เพื่อ "ตัดวงจร" ไวรัสที่แพร่กระจายในอัตรา "รวดเร็วอย่างยิ่ง" ซึ่งฝ่ายสาธารณสุขแนะนำว่าจำเป็นต้องใช้เวลาเจ็ดวัน
ศาสตราจารย์เบรตต์ ซัตตัน (Brett Sutton) ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐวิกตอเรีย กล่าวว่าทางการกำลังรับมือกับไวรัสสายพันธุ์ B161 ซึ่งมีอัตราการติดต่อสูง
"เมื่อเราพบสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งติดเชื้อ แทบทุกคนในบ้านก็ติดไปด้วย" ศาสตราจารย์ซัตตันกล่าว
"ติดต่อไวมาก [จำนวนผู้ติดเชื้อ]จึงเพิ่มขึ้นทวีคูณ"
เตรียมฉีดวัคซีนผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ นายเมอร์ลิโนยังประกาศขยายสิทธิ์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นในรัฐวิกตอเรียสามารถเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
"เหตุผลที่เรามารับมือการระบาดวันนี้ก็เพราะเชื้อหลุดรอดจากโรงแรมกักโรคในรัฐเซาท์ออสเตรเลีย" นายเมอร์ลิโนกล่าว
"เราเจอกรณีหลุดรอดเช่นนี้ในโรงแรมกักโรคทั่วประเทศ หนทางเดียวที่จะข้ามผ่านโรคระบาดนี้ไปได้คือทุกคนเข้ารับวัคซีนทันทีที่มีสิทธิ์"
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหพันธรัฐประกาศส่งมอบวัคซีนแก่รัฐวิกตอเรียเพิ่มเติม 130,000 โดส
ด้านนายเมอร์ลิโนชี้ถึงความล่าช้าในการดำเนินงานกระจายวัคซีนของสหพันธรัฐ
"หากเรามีวัคซีน หากโครงการวัคซีนของสหพันธรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราคงไม่ต้องมาอยู่ในจุดนี้"
มาตรการตอบรับจากรัฐอื่น
หน่วยงานด้านสุขภาพรัฐนิวเซาท์เวลส์แจ้งว่า ผู้ใดก็ตามที่เดินทางมาจากรัฐวิกตอเรียหลังเวลา 16.00 น. ของวันพฤหัสบดี (27 พ.ค.) ต้องปฏิบัติตามกฎล็อกดาวน์ของรัฐวิกตอเรียแม้แต่ขณะอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์
กล่าวคือ ต้องอยู่ในที่พักเป็นเวลาเจ็ดวันและอนุญาตให้ออกจากบ้านได้เฉพาะบางเหตุผล อาทิ ซื้อของใช้จำเป็น รับการดูแลทางการแพทย์ ให้การดูแลบุคคลอื่น ออกกำลังกายกลางแจ้ง และทำงานหรือเรียนด้านที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ชาวรัฐนิวเซาท์เวลส์ในชุมชนบริเวณพรมแดนต้องปฏิบัติตามกฎเหล่านี้หากเดินทางออกนอกพื้นที่พรมแดนตั้งแต่เวลา 16.00 น.
รัฐเซาท์ออสเตรเลียอนุญาตให้ผู้ที่เดินทางในพื้นที่เขตมหานครเมลเบิร์น (Greater Melbourne) ข้ามพรมแดนเข้ารัฐได้เฉพาะผู้ปฏิบัติงานด้านที่จำเป็นและชาวรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่เดินทางกลับ แต่ต้องเข้ารับการตรวจเชื้อสามครั้งและแยกตัวจากผู้อื่น 14 วัน
ส่วนผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ดังกล่าวเข้ารัฐเซาท์ออสเตรเลียตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมา ต้องเข้ารับการตรวจเชื้อและแยกตัวจากผู้อื่นจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ
ด้านนครเพิร์ทตั้งคลินิกตรวจเชื้อที่สนามบินรองรับผู้เดินทางจากรัฐวิกตอเรีย โดยต้องแยกตัวจากผู้อื่นจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ
รัฐควีนส์แลนด์ขอให้ประชาชนพิจารณาเลี่ยงการเดินทางทุกประเภทไปยังรัฐวิกตอเรียโดยเฉพาะพื้นที่เขตมหานครเมลเบิร์น ส่วนผู้อาศัยหรือมีประวัติเยือนเมืองวิตเทิลซีตั้งแต่ 11 พฤษภาคม จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ารัฐตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันพฤหัสบดี
หากคุณต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต สามารถติดต่อ บียอนด์ บลู (Beyond Blue) โทร. 1300 22 4636 หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่