เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งยิงหญิงชาวออสเตรเลียเสียชีวิตลงเมื่อปี ค.ศ. 2017 ถูกพิจารณาว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมโดยคณะลูกขุนจากนครมินนิอาโปลิส
นายโมฮาเม็ด นูร์ วัย 33 ปี ถูกไล่ออกจากกองกำลังตำรวจมิดเวสเทิอร์น และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม (Third-degree murder) และฆ่าผู้อื่นโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน (Second-degree manslaughter)
คณะลูกขุน ซึ่งถูกมอบหมายคดีดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ ได้ตัดสินให้อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวพ้นข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดนั่นก็คือ ฆาตกรรมโดยมีเจตนาจงใจเพื่อสังหาร (second-degree murder with the intent to kill)
นายนูร์ได้ให้การในศาลว่าเขายิงนางสาว จัสติน ดามอนด์ รัสเชค, ชาวออสเตรเลียซึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐฯ เพื่อแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอ โดยเป็นการปกป้องเพื่อนร่วมงานของเขาเพราะเขาหวาดกลัวว่าจะมีการลักลอกจู่โจมในขณะที่เข้าตอบสนองต่อการที่ น.ส. ดามอนด์ นั้นโทรศัพท์เรียกเป็นการฉุกเฉิน
คณะลูกขุนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันในการตัดสิน
คณะลูกขุนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันเพื่อบรรลุคำตัดสินในการสู้คดีความของอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจนครมินนิอาโปลิสคนดังกล่าว ผู้ยิงและสังหารหญิงชาวออสเตรเลียปลอดอาวุธ
คณะลูกขุนประกอบด้วยชายจำนวน 10 คน และหญิงจำนวนสองคน ได้มอบคำตัดสินลงมาเมื่อคืนวานนี้
คดีดังกล่าว ได้รับการส่งให้กับคณะลูกขุนเกือบหนึ่งเดือนหลังจากที่การเลือกสรรลูกขุนเริ่มต้นขึ้น โดยเป็นคดีอาวุธปืนที่ได้สร้างความโกรธเกรี้ยวและความประหลาดใจทั้งในสหรัฐฯ และในต่างประเทศ
นายนูร์ ซึ่งถูกไล่ออกจากงานหลังถูกตั้งข้อหา เผชิญกับข้อหาฆาตกรรมสองกระทง และข้อหาฆ่าผู้อี่นโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อนอีกหนึ่งกระทง
ทนายความของเขากล่าวว่า นายนูร์นั้น ตกอยู่ในสภาวะการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็น “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (“a perfect storm”) แต่ว่าได้ “ปฏิบัติตามที่เขาถูกอบรมมา”
ด้านอัยการแย้งว่า นายนูร์ นั้นเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อ “เหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดที่ตัวเขาก่อขึ้นเอง” เมื่อเขายิงนางสาวดามอนด์ รัสเชค
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
คาดราคาบ้านในซิดนีย์จะตกเหลือไม่ถึงล้าน