แบบจำลองสถานการณ์เผยโรงเรียนอาจเปิดต่อไปได้แม้พบนักเรียนติดโควิด

นักเรียนอาจสามารถตรวจเชื้อทุกวันด้วยชุดตรวจโควิดแบบทราบผลรวดเร็วหากพบผู้ติดเชื้อที่โรงเรียน แทนที่จะต้องถูกกักตัว แบบจำลองสถานการณ์ใหม่ของสถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty) ชี้

Students use a hand sanitiser station as they arrive to Carlton Gardens Primary school in Melbourne.

Students use a hand sanitiser station as they arrive to Carlton Gardens Primary school in Melbourne. Source: AAP

การเรียนในห้องเรียนอาจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปลอดภัยแม้จะพบนักเรียนจะมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก ภายใต้แบบจำลองใหม่ที่นำเสนอต่อรัฐบาลสหพันธรัฐของออสเตรเลีย

สถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty)ได้ส่งแบบจำลองสถานการณ์ฉบับปรับปรุงใหม่ไปยังคณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการตรวจแอนติเจนแบบทราบผลรวดเร็ว (rapid antigen tests) เป็นประจำนั้นสามารถใช้เพื่อช่วยให้นักเรียนยังคงไปโรงเรียนได้ต่อไป แม้ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19

ภายใต้แนวทาง "test to stay" หรือ “ตรวจเชื้อเพื่ออยู่ต่อ” นักเรียนจะได้รับการตรวจแอนติเจนแบบทราบผลรวดเร็วหากเพื่อนร่วมชั้นพบผลตรวจเชื้อเป็นบวก และได้รับอนุญาตให้กลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ตราบใดที่พวกเขามีผลการตรวจเชื้อเป็นลบ

แบบจำลองพบว่าวิธีการนี้จะส่งผลให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในโรงเรียนประถมศึกษา และมีผู้ติดเชื้อในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายน้อยลงหกราย เมื่อเทียบกับการกักตัวนักเรียนทั้งชั้นเรียนเป็นเวลา 14 วัน

การตรวจแอนติเจนแบบทราบผลรวดเร็วทุกวัน โดยให้กักตัวเฉพาะกรณีที่พบผลการตรวจเชื้อเป็นบวกเท่านั้น มีประสิทธิภาพป้องกันการแพร่ระบาดเช่นเดียวกับการกักตัวผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเป็นเวลา 14 วัน” จากข้อมูลที่ระบุในแบบจำลองสถานการณ์ที่ว่า ซึ่งได้รับการนำเสนอต่อผู้นำของรัฐและรัฐบาลสหพันธรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.)
มันช่วยลดจำนวนวันที่นักเรียนพลาดการเรียนในห้องเรียนได้เป็นอย่างมาก
แม้จะไม่มีมาตรการคัดกรองผู้ติดเชื้อหรือมาตรการติดตามหาตัวผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ แบบจำลองสถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เกือบครึ่งหนึ่งของการระบาดจะหายไปเองในโรงเรียนตราบใดที่อัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าร้อยละ 80

การลดเวลากักตัวลงจากเดิมสองสัปดาห์เหลือครึ่งหนึ่งสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วและถูกระบุเป็นผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ดร.นิก สกอตต์ หัวหน้าแผนกการสร้างแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันเบอร์เนต ซึ่งได้จัดทำรายงานฉบับปิดท้ายดังกล่าวระบุว่า ความเสี่ยงจะยิ่งมีน้อยกว่านั้นอีกในโรงเรียนประถมศึกษา หากเด็กอายุ 5-11 ปีสามารถได้รับการฉีดวัคซีน

“ถ้านักเรียนชั้นประถมศึกษาได้รับการฉีดวัคซีนด้วยเช่นกัน เราจะเห็นสิ่งที่คล้ายกันสำหรับการฉีดวัคซีนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา” ดร.สกอตต์ กล่าว

การตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจโควิดแบบทราบผลรวดเร็วให้นักเรียนทุกคนสองครั้งต่อสัปดาห์จะ "เพิ่มโอกาสอย่างชัดเจน" ในการหยุดยั้งการระบาดในอนาคตได้

แต่การตรวจคัดกรองครูสองครั้งต่อสัปดาห์ไม่ว่าจะแสดงอาการป่วยหรือไม่ คาดว่าจะไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างมากนัก
แบบจำลองสถานการณ์ฉบับปรับปรุงแล้วที่ว่านี้ ยังแสดงให้เห็นว่ากรณีการติดเชื้อที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสามารถบริหารจัดการได้ ด้วยการมีอัตราผู้ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วทั่วประเทศร้อยละ 80 และมากกว่า

ออสเตรเลียได้บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนดังกล่าวไปแล้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเดินทางระหว่างประเทศจากรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียกลับมาทำได้อีกครั้ง

มีผู้คนมากกว่า 7,000 คนเดินทางมายังออสเตรเลียในสัปดาห์ที่ผ่านมา

การติดเชื้อในหมู่ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะพบบ่อยขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รายงานดังกล่าวระบุ
เมื่อการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากขึ้น สัดส่วนของการติดเชื้อทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วจะเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากพวกเขาจะกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของประชากร

คุณสามารถอ่านข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นภาษาไทยได้

หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share
Published 9 November 2021 10:27am
Updated 9 November 2021 11:15am
By SBS News
Presented by Parisuth Sodsai
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends