ผู้คนหลายร้อยคนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงหลังจากมีปริมาณน้ำฝนซึ่งตกหนักเป็นประวัติการณ์ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย โดยคาดว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมต่อไปอีกหลายวัน
ประชาชนในทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ระหว่างเมืองแคนส์และแมคเคย์ (Cairns and Mackay) ได้รับคำเตือนให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่สูงขึ้น โดยคาดว่าจะมีฝนตกหนักจนถึงอย่างน้อยจนถึงวันพุธ
เจ้าหน้าที่จากสำนักอุตุนิยมวิทยาเมตต์ คอลโลปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า
“เราเห็นปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่”
“ยังจะมีฝนจะตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ … ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าที่น้ำจะระบายออกจากระบบ”
มีการบันทึกว่าที่เขื่อนปาลูมา ในเมืองทาวน์สวิลล์ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนสูงเกือบ 1 เมตรในขณะที่เขตเมืองอิงแฮม (Ingham) มีปริมาณน้ำฝนสูงกว่า 400 มม. ก่อนที่สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีน้ำท่วมจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเมืองอิงแฮม ซึ่งขณะนี้ระดับในแม่น้ำอยู่ในระดับอีกไม่กี่เซนติเมตรจะสูงกว่าระดับน้ำสูงที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ที่ 15.2 เมตร ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เมื่อปี 1967
ส่วนแม่น้ำรอสส์ (Ross River) ในเมืองทาวน์สวิลล์คาดว่าจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับน้ำท่วมใหญ่ในช่วงบ่าย วานนี้ (3 ก.พ.)
ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตหนึ่งรายซึ่งเป็น หญิงวัย 63 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) เมื่อเรือของหน่วยบริการฉุกเฉิน SES ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมชนต้นไม้และพลิกคว่ำที่เมืองอิงแฮม
'ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้มากนัก'
สถานการณ์น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายกับพื้นที่ทางตอนเหนือของรับควีนส์แลนด์ โดยหลายครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้และถนนหลายสายถูกตัดขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเชื่อมทางหลวง บรูซ ไฮเวย์ (Bruce Highway) สายหลัก นอกจากนี้ยังพบว่าสะพาน โอเลรา ครีก (Ollera Creek) ใกล้เมืองทาวน์วิลล์ Townsville ถูกกระแสน้ำพัดจนพังทลายเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ (2 ก.พ.)
นายกเทศมนตรีท้องถิ่น รามอน จาโย เรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “หายนะอีกรอบ” สำหรับเมืองอิงแฮม ที่ตอนนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้หลังจากสถานีไฟฟ้าย่อยถูกน้ำท่วม และเหลือน้ำจืดไว้ใช้อีกเพียง 5 วัน และประชาชนต้องพึ่งพาการเข้ามาส่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นทางเฮลิคอปเตอร์
มีการเตือนให้อพยพหลายครั้งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วภาคเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยในคาร์ดเวลล์, อิงแฮม และ "เขตสีดำ (black zone)" ของเมืองทาวน์สวิลล์ ซึ่งครอบคลุมเขตคลูเดน (Cluden), เฮอมิท พาร์ค (Hermit Park), อิดาเลีย (Idalia), อูนูนบา (Oonoonba), เรลเวย์ เอสเตท (Railway Estate) และรอสลี (Rosslea ) ให้ประชาชนอพยพออกจากที่อยู่อาศัยของตน
ในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าให้ความช่วยเหลือ โดยมีการกู้ภัยทางน้ำอย่างเร่งด่วน 11 ครั้ง และมีโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือเกือบ 400 สายเพื่อในเรื่องเพดานรั่ว หลังคาเสียหาย น้ำท่วม การอพยพ
อ่านเพิ่มเติม
ควรเตรียมการรับมือกับพายุและน้ำท่วมอย่างไร
ด้าน สมาชิกสภาเมืองทาวน์สวิลล์ แอนดรูว์ โรบินสัน กล่าวว่าน้ำท่วมในพื้นที่สีดำ (black zone) คาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในเช้าวันอังคาร (4 ก.พ.) ขณะที่พื้นที่อื่นๆ อาจได้รับผลกระทบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“เราคาดเดากับธรรมชาติไม่ได้ มันอาจเปลี่ยนแปลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เขากล่าว
ขณะนี้ในเมืองทาวน์สวิลล์ อิงแฮม และคาร์ดเวลล์ มีผู้คนมากกว่า 400 คนอยู่ในศูนย์อพยพชั่วคราว
โรงเรียนของรัฐทั่วภาคเหนือของรัฐควีนส์แลนด์เกือบ 70 แห่งถูกปิด รวมทั้งโรงเรียนเอกชน 16 แห่ง และโรงเรียนคาทอลิกอีก 24 แห่ง
ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมสูงยังคงดำเนินต่อไป อาจมีฝนตกมากถึง 200 มม. ในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ โดยบางแห่งมีระดับน้ำถึงสูงถึง 300 มม. ระหว่างเมืองอิงแฮมและแอร์
ไฟป่าและพายุในรัฐวิกตอเรีย
ขณะที่รัฐควีนส์แลนด์เผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม รัฐวิกตอเรียก็ยังเผชิญกับสถานการณ์ไฟป่าที่ยังคงลุกไหม้ในอุทยานแห่งชาติ ลิตเติล เดสเซิร์ต (Little Desert) และอุทยานแห่งชาติ แกรมเปียนส์ (Grampians) ทางตะวันตกของรัฐวิกตอเรีย
โดยความเสียหายในขณะนี้ มีรายงานว่ามีไฟไหม้บ้าน 2 หลังและโรงเก็บของ 1 หลัง เนื่องจากฟ้าผ่าที่จุดชนวนให้เกิดเพลิงไหม้ใหม่มากกว่า 100 ครั้งในเขตพื้นที่ป่าที่ถูกไฟป่าเผาไหม้แล้ว
- ไฟป่าครั้งนี้เป็นหนึ่งในไฟป่าที่เกิดขึ้น 114 ครั้ง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฟ้าผ่าแห้ง ท่ามกลางความร้อนและพายุเมื่อวันอาทิตย์และช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา
- ผู้ประสบภัยเช่น คุณ แจน เปิดเผยว่าการสูญเสียบ้านไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดจากเหตุการณ์ไฟป่า Black Summer
- 'ลูกไฟใหญ่ขนาดใหญ่กว่ารถ' เผาไหม้อสังหาริมทรัพย์ของของเจมี่ ในขณะที่อีกห้าปีต่อมาเขายังคงอาศัยอยู่ในคาราวาน
- มันเป็นเดือนธันวาคมที่ปกติทั่วไปสำหรับประชาชนชาวออสเตรเลียที่อาศัยอยู่แถบนี้ ก่อนที่มันจะก็กลายเป็น 'เหมือนวันสิ้นโลก'
เพลิงไหม้ในอุทยานแห่งชาติลิตเติลเดสเซิร์ต (Little Desert) ซึ่งอยู่ห่างจากเมลเบิร์นไปทางตะวันตกประมาณ 375 กิโลเมตร ได้รับการประกาศให้ควบคุมเพลิงได้แล้ว ตั้งแต่เกิดเพลิงไหม้แล้วเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.)
ซึ่งเผาไหม้พื้นที่กว่า 84,000 เฮกตาร์ ในขณะที่ความเสียหายจากไฟป่าทั้งสองครั้งที่อุทยานแห่งชาติ แกรมเปียนส์ สร้างความเสียหายครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดราว 46,000 เฮกตาร์
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต่อสู้กับไฟป่าในเขตลิตเติ้ลเดสเซิร์ต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อไฟทำลายแนวกักกันและเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรมอย่างรวดเร็ว
ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะแย่ลงในวันพุธ (5 ก.พ.) เนื่องจากจะมีหนุนมาลมทางตอนใต้
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของหน่วยงานบริหารจัดการไฟป่าวิกตอเรีย คริส ฮาร์ดแมน กล่าวว่า ลมจากทางเหนือทำให้ชุมชนต่างๆ ในเขตวิกตอเรีย วัลเลย์ และวิกตอเรีย พอยต์ ทางตะวันตกของคาเวนดิช และอ่างเก็บน้ำรอกแลนด์ ตกอยู่ในความสี่ยง
แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมเพลิงในพื้นที่โดยการใช้ รถเกลี่ยดิน เครื่องจักรกลหนัก และเครื่องบิน
“เรามีนักดับเพลิงมากกว่า 600 คนที่พยายามควบคุมเพลิงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา” ฮาร์ดแมนกล่าว
"ภาระกิจนี้ยังอีกยาวไกล"
ยังคงมีคำเตือนฉุกเฉินในเขตอุทยานแห่งชาติ แกรมเปียนส์ ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิง
ในขณะเดียวกันก็มีการออกคำสั่งเฝ้าระวังและดำเนินการเพิ่มเติมสำหรับเหตุเพลิงไหม้ 4 ครั้งในอุทยานแห่งชาติเกรต ออตเวย์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐวิกตอเรีย ที่อ่าวอพอลโล, เคปฮอร์น, ฮอร์เดิร์น เวล และเคป ออตเวย์
พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงพัดปกคลุมจีลองและเมลเบิร์นในคืนวันอาทิตย์ ทำให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าผ่า ลูกเห็บ และลมที่สร้างความเสียหาย
บ้านเรือนกว่า 45,000 หลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่น้อยกว่า 3,500 หลัง และก่อน 16.00 น. ของวันจันทร์วานนี้ ยังมีบ้านเรือนกว่า 3,500 หลังคาที่ยังไม่มีไฟฟ้า
เขตภูมิภาคของรัฐวิกตอเรียทั้ง 9 แห่งนี้ ได้รับคำเตือนว่าอาจเกิดความเสี่ยงในระดับสูงที่จะเกิดไฟป่า
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
สามารถติดตามเราได้ในช่องทางใหม่ทาง Instagram ที่