ศาลฮ่องกงตัดสินออกวีซ่าคู่ครองเพศเดียวกันให้ชาวต่างชาติ

NEWS: ศาลสูงสุดฮ่องกงตัดสินอนุญาตให้คู่ครองเพศเดียวกันชาวต่างชาติมีสิทธิ์ได้รับวีซ่าคู่แต่งงาน

Image by Quinn Dombrowski via Wikimedia Commons (CC BY-SA 2.0)

Source: Image: Quinn Dombrowski via Wikimedia Commons/CC BY-SA 2.0

ท่านสามารถรับฟังความคิดเห็นของชุมชนไทยในออสเตรเลีย ต่อการอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานได้

ศาลสูงสุดของฮ่องกงตัดสินให้คู่ครองเพศเดียวกันชาวต่างชาติมีสิทธิ์ได้รับวีซ่าคู่แต่งงาน ในการตัดสินครั้งสำคัญ ณ นครหัวอนุรักษ์นิยมในด้านสังคมดังกล่าว

เมื่อเดือนกันยายน สตรีชาวอังกฤษซึ่งเรียกกันว่า คิวที (“QT”) ได้รับชัยชนะในสิทธิ์ที่จะขอวีซ่าคู่แต่งงาน (spousal visa) ให้กับคู่ครองเพศเดียวกันของเธอ หลังจากการต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเวลาสามปี

อย่างไรก็ตาม (ในครั้งนั้น)กรมตรวจคนเข้าเมืองได้ยื่นอุทธรณ์ต่อการตัดสินดังกล่าว ต่อศาลอุทธรณ์สูงสุด ซึ่งเป็นศาลระดับสูงที่สุดของฮ่องกง อย่างทันที

ที่ผ่านมารัฐบาลฮ่องกงได้ต่อสู้กับกรณีที่คล้ายคลึงกันในหลายๆ กรณี ซึ่งก็อาจปูทางไปสู่การแต่งงานได้อย่างถูกกฎหมายโดยเพศเดียวกัน อันจะรวมไปถึงการได้รับผลประโยชน์ต่างๆ โดยคู่ครองของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งเป็นเพศเดียวกันด้วย

ในการพิพากษาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 ก.ค.) ศาลฯ ได้ปัดตกนโยบายปัจจุบันของกรมตรวจคนเข้าเมือง โดยกล่าวว่าเป็น “การเลือกปฏิบัติ”

ศาลฯ ยังพบว่า ความสามารถที่จะนำญาติติดตามมายังฮ่องกงนั้น เป็นเรื่องชอบธรรมที่จะมีความวิตกกังวล ในการที่จะดึงดูด “ผู้มีความสามารถชาวต่างชาติ” มายังนครดังกล่าว และการให้ความสำคัญที่เหนือกว่าให้กับคู่รักต่างเพศนั้น ถือว่า “ไม่สร้างสรรค์ (counterproductive)”

คำพิพากษาดังกล่าวนั้น องค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ซึ่งเฝ้าระวังเกี่ยวกับสิทธิต่างๆ อธิบายว่าเป็น “เรื่องสำคัญสำหรับฮ่องกง และจุดผกผันต่อสิทธิของผู้คนซึ่งมีความหลากหลายทางเพศ (LGBTI) ทั่วทั้งเอเชีย”

คดีดังกล่าว ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากประชาชนชาวต่างชาติจำนวนมากซึ่งอาศัยอยู่ในฮ่องกง

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม สถาบันทางการเงินชั้นนำ 15 แห่ง บริษัทด้านกฎหมาย 16 แห่ง และองค์กรนิรโทษกรรมสากลซึ่งคอยเฝ้าระวัง ได้ร้องขอต่อศาลฯ ที่จะเขียนถ้อยคำเพื่อสนับสนุนคิวทีอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกปฏิเสธ


Share
Published 5 July 2018 1:09pm
By AAP-SBS
Presented by Tanu Attajarusit
Source: SBS News, Wikimedia commons


Share this with family and friends