รายงานโดย Grattan Institute ระบุว่า เมื่อปีก่อน อัตราค่าไฟฟ้าในครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 20 ในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าแบบขายส่ง (Wholesale) ขยับขึ้นไปถึงร้อยละ 130 ในช่วงปี 2015-2017
คุณโทนี วูด (Tony Wood) ผู้จัดทำรายงานฉบับดังกล่าวเชื่อว่า อัตราค่าไฟฟ้าแบบขายส่งนั้น ดูเหมือนจะยังอยู่เหนือระดับประวัติการณ์ เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านในตลาดพลังงานไฟฟ้า
ขณะที่รัฐบาลของนายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ กำลังสนับสนุนแนวคิดประกันพลังงานแห่งชาติ (National Energy Guarantee) ในฐานะแนวทางประกันเสธียรภาพของตลาด และทำให้ราคาลดลง แต่รายงานดังกล่าวระบุว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหา เนื่องจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเกิดจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาล
“นักการเมืองควรบอกความจริงที่รุนแรงกับชาวออสเตรเลียที่ว่า อัตราค่าไฟฟ้าแบบขายส่งที่สูงขึ้นคือความปกติในรูปแบบใหม่” คุณโทนีระบุ
นอกจากนี้ เกมที่ผู้ผลิตไฟฟ้าเล่นกับระบบพลังงาน ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าสูงขึ้น
“มันมีนัยยะสำคัญ และมันอาจแย่ไปกว่านี้” คุณโทนี ระบุกับวิทยุเอบีซี ถึงประเด็นที่ผู้ผลิตไฟฟ้าสร้างความขาดแคลนพลังงานเทียม เพื่อบังคับทิศทางของราคา โดยทางสถาบันฯ ระบุว่า เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในรัฐควีนส์แลนด์ และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย โดยมีสัญญาณว่าจะเกิดขึ้นในรัฐวิกตอเรีย และรัฐนิวเซาท์เวลส์อาจเป็นรายต่อไป
คุณโทนีได้ประเมินตัวเลขไว้ว่า เรื่องนี้อาจเพิ่มราคาซื้อขายไฟฟ้าผ่านตลาดพลังงานแห่งชาติไปอีก 800 ล้านดอลลาร์
การปิดโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาราคาค่าไฟฟ้า แต่คุณโทนีเชื่อว่า มันคือ “ความจริงของชีวิต” ที่เมื่อเทคโนโลยีใหม่มาแทนที่ ไม่ว่าจะพลังงานหมุนเวียน ก๊าซ หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน มันจะทำให้ราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังพบว่า ราคาของพลังงานก๊าซและถ่านหินที่สูงขึ้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอีกด้วย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ
รมต. ต่างประเทศออสฯ: ความช่วยเหลือของออสเตรเลียต่อการค้นหาที่ถ้ำในประเทศไทย