การประกาศล็อกดาวน์ระดับ 4 ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น และล็อกดาวน์ระดับ 3 ในพื้นที่อื่นทั่วรัฐ เป็นมาตรการจากภาวะเข้าตาจน ที่มุขมนตรีแดเนียล แอนดรูส์ ของรัฐวิกตอเรีย พยายามทำให้ประชาชนตระหนักถึงสารสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ
“การอยู่บ้านหมายถึงต้องอยู่บ้านจริงๆ” นายแอนดรูส์ ย้ำ
ข้อจำกัดใหม่เหล่านี้ในเมลเบิร์น รวมไปถึงการห้ามประชาชนออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น. ถึง 5.00 น. ทุกคืน และห้ามการเดินทางออกไปนอกรัศมี 5 กิโลเมตรจากบ้านของตน แม้จะไปเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นหรือไปออกกำลังกาย หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับ 1,652 ดอลลาร์
แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในออสเตรเลียนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ยังมีสิ่งที่เป็นสามัญสำนึกยกเว้นให้
เอสบีเอส นิวส์ ได้สอบถามผู้อ่านของเราเกี่ยวกับคำถามที่พวกเขามีเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์ใหม่เหล่านี้ และนี่คือสิ่งที่พวกเขาอยากรู้
ข้อจำกัดเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่หมดสัญญาเช่าบ้าน ซึ่งต้องมองหาบ้านเช่าใหม่อย่างไร?
จากแนวทางปฏิบัติของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ (DHHS) ประชาชนชาวเมลเบิร์น จะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้เท่านั้น ได้แก่: เพื่อไปซื้อสิ่งของจำเป็นหรือไปรับบริการที่จำเป็น เพื่อไปออกกำลังกาย เพื่อไปให้การดูแลผู้อื่นหรือเพื่อไปรับบริการด้านการแพทย์ หรือเพื่อไปทำงานหากไม่สามารถทำงานจากบ้านได้
แต่อย่างไรก็ตาม การย้ายบ้านเป็นข้อยกเว้นในเรื่องนี้ และการไปดูบ้านที่ต้องการเช่าโดยนัดล่วงหน้าได้รับอนุญาตให้ทำได้
เราจะย้ายบ้านหรือช่วยผู้อื่นย้ายบ้าน ที่หมายความว่าจะต้องมีการเดินทางไปไกลจากรัศมี 5 กิโลเมตรได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถเดินทางไปนอกรัศมี 5 กิโลเมตรจากเคหสถานของคุณสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการย้ายบ้านได้ ตราบใดที่ทำนอกเหนือช่วงเวลาห้ามออกจากเคหสถาน (ไม่ให้ทำหลังจากเวลา 20.00 น. หรือก่อนเวลา 5.00 น.)
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใดที่หวังจะมาช่วยคุณย้ายบ้านภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 นั้น ไม่ชัดเจนนักในเรื่องนี้ แต่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 3 นั้น สมาชิกในครัวเรือนของคุณ และเพื่อนหรือญาติอีกคนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ช่วยคุณย้ายบ้านได้
คู่ครองของฉันและฉันเพิ่งซื้อบ้านใหม่ที่อยู่ในอีกย่านหนึ่ง และเราจำเป็นต้องปรับปรุงหรือต่อเติมบ้าน เพื่อที่เราจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ พวกเราจะได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังบ้านหลังนั้นได้ต่อไปหรือไม่?
จากข้อมูลของ DHHS โดยทั่วไปแล้ว การเดินทางไปยังที่อยู่อาศัยแห่งที่สองไม่ได้รับอนุญาตให้ทำได้ แต่มีข้อยกเว้นให้บางอย่าง รวมทั้งหากมีเหตุฉุกเฉิน หรือไปเพื่อดูแลหรือซ่อมบำรุง
นายแอนดรูส์ กล่าวในวันจันทร์ (3 ส.ค.) ว่า มีแนวโน้มว่าจะมีการอนุญาตให้สำหรับ “ธุรกรรมที่ดำเนินการไปแล้ว”
“เราไม่ต้องการเห็นผู้คนไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์บ้านได้ ผมไม่ต้องการเห็นผู้ที่ต้องย้ายบ้านเนื่องจากหมดสัญญาเช่า แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้” นายแอนดรูส์ กล่าว
ในเรื่องเกี่ยวกับช่างก่อสร้างต่างๆ จะมีช่างก่อสร้างเพียง 5 คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานพร้อมกันได้ในไซต์งานก่อสร้างเอกชนในทุกช่วงเวลาตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป แต่นายแอนดรูส์เสริมว่า “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะทาสีบ้าน หรือให้ช่างมาทำงานอะไรที่ไม่จำเป็นและไม่เร่งด่วน”
เราสามารถเดินทางไปนอกรัศมี 5 กิโลเมตรจากบ้าน เพื่อไปปฏิบัติตามข้อตกลงสิทธิ์ปกครองดูแลบุตรร่วมกันได้หรือไม่?
ได้ จากข้อมูลของ DHHS ข้อตกลงในการปกครองดูแลบุตร ทั้งที่เป็นคำสั่งศาลและที่เป็นข้อตกลงกันเองอย่างไม่เป็นทางการ สามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ
นี่หมายความว่า คุณสามารถเดินทางจากบ้านของคุณไปรับหรือไปส่งลูกจากบ้านของผู้ปกครองของลูกอีกคนหนึ่งได้
ปู่ย่าตายายจะสามารถเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปดูแลหลานได้หรือไม่?
จากข้อมูลของ นพ.เบรตต์ ซัตตัน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของวิกตอเรีย กล่าวว่า สำหรับลูกจ้างที่ทำงานจำเป็น ที่ไม่สามารถใช้ทางเลือกในการดูแลบุตรที่เป็นทางการอื่นๆ ได้ คำตอบคือ ทำได้
แต่อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูส์ กล่าวว่าเกี่ยวกับคำถามนี้ว่า “คุณจำเป็นต้องจำกัดจำนวนคนที่มาที่บ้านของคุณในทุกสถานการณ์”
ภรรยาและผมมีลูก 3 คน เราจะสามารถพาพวกเขาไปออกกำลังกายด้วยกันได้หรือไม่ หรือว่าพวกเขาต้องสลับกันออกไป?
หากคุณต้องดูแลเด็ก หรือผู้ที่ไม่สามารถอยู่บ้านตามลำพังได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกไปพร้อมกับคุณระหว่างที่คุณไปออกกำลังกายประจำวัน
“หากคุณเป็นพ่อหรือแม่ที่มีลูกเล็กๆ คุณยังคงสามารถพาลูกๆ ออกไปกับคุณเมื่อคุณไปเดินออกกำลังกายได้” นายแอนดรูส์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์
เราจะสามารถให้คนอื่นขับรถพาเราไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไปหาหมอตามนัดได้หรือไม่ หากเราขับรถเองไม่ได้?
โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถไปกับคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันกับคุณ
สำหรับเรื่องนัดด้านการแพทย์ ข้อจำกัดของ DHHS กล่าวว่า คุณสามารถออกจากบ้านไปเป็นเพื่อนผู้อื่นที่ไปรับการรักษาด้านการแพทย์ที่จำเป็นได้ หากคุณเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเป็นผู้ให้การสนับสนุนที่จำเป็น (necessary support person)
เราจะได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมคู่ครองที่อาศัยอยู่คนละบ้านได้หรือไม่ เราจะสามารถค้างคืนที่นั่นได้หรือไม่?
หากคุณและคู่ครองของคุณอาศัยอยู่คนละบ้านกัน คุณสามารถเดินทางไปหาคู่ครองของคุณได้
ในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ นายแอนดรูส์ กล่าวว่า “ที่ไหนที่คุณนอนเมื่อคืนนี้ จะเป็นที่ที่คุณต้องอาศัยอยู่ในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้า” แต่ตระหนักว่า นี่จะไม่ใช้บังคับกับคู่ครองที่อาศัยอยู่คนละบ้าน
ฉันกำลังจะคลอดบุตรในอีก 4 สัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะสามารถมีคู่ครองไปอยู่ที่นั่นด้วยได้ไหม?
ผู้ให้การสนับสนุนที่จำเป็น (necessary support person) ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน เพื่อไปเป็นเพื่อนผู้อื่นที่ไปรับการรักษาทางการแพทย์ที่จำเป็นได้
ในคำแถลงก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพกล่าวว่า คู่ครองหรือผู้ให้การสนับสนุน (support person) จะได้รับอนุญาตให้ไปให้กำลังใจคู่ครองระหว่างคลอดบุตรได้ และสามารถอยู่ที่นั่นได้นานเท่าที่จำเป็นหลังการคลอดบุตร
หลังจากนั้น พวกเขาจะสามารถไปเยี่ยมได้วันละครั้ง ไม่เกินครั้งละ 2 ชั่วโมง
หากพวกเราสามารถออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผล 4 ประการที่กำหนดไว้ แต่ร้านค้าบางแห่งที่ขายสิ่งของที่ไม่จำเป็นยังคงเปิดอยู่ การไปที่นั่นผิดกฎหมายหรือไม่?
ธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่จะถูกบังคับให้ต้องปิดให้บริการตั้งแต่วันพุธ โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ยกเว้น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำและอาหารสด ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านขายยา ธนาคาร ร้านขายหนังสือพิมพ์ และที่ทำการไปรษณีย์
ธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่น บันนิงส์ จะได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ผ่านบริการจัดส่งสินค้าให้ตามบ้าน หรือบริการขายสินค้าออนไลน์และให้ลูกค้ามารับสินค้าที่ร้านโดยพบกับพนักงานเป็นเวลาสั้นๆ (Click and collect service)
คุณสามารถเดินทางไปไกลกว่าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดของคุณ เพื่อไปยังร้านขายเนื้อสัตว์ฮาลาลได้หรือไม่?
ภายใต้การล็อกดาวน์ระดับ 4 การไปซื้อสิ่งของจำเป็น เช่น อาหารสด เป็นหนึ่งในเหตุผลไม่กี่อย่างที่อนุญาตให้ผู้คนออกจากบ้านได้ แต่มีเงื่อนไขบางอย่างคือ
สมาชิกในครัวเรือนเพียง 1 คนที่สามารถออกจากบ้านไปซื้อของและไปซื้อหาบริการที่จำเป็นได้วันละ 1 ครั้ง และพวกเขาต้องไม่เดินทางไปไกลกว่ารัศมี 5 กิโลเมตรจากบ้านของตน ทางการยังคาดหวังให้ประชาชนพยายามอยู่ใกล้บ้านของตนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้ไปร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดเท่านั้น
แต่ขณะที่ประกาศมาตรการจำกัดในวันอาทิตย์ นายแอนดรูส์ กล่าวว่า จะมีการ “ใช้สามัญสำนึกที่เป็นข้อยกเว้นให้” สำหรับกฎนี้ หลังจากวันก่อนหน้านี้ เขากล่าวว่าร้านขายเนื้อจะยังคงเปิดให้บริการได้
ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดของคุณอยู่ห่างออกไป 13 กิโลเมตร แต่ฉันจะได้รับอนุญาตให้ไปยังร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกกว่าแต่อยู่ไกลกว่าหรือไม่?
คุณได้รับอนุญาตให้เดินทางออกไปนอกรัศมี 5 กิโลเมตรจากบ้านได้เพื่อไปซื้อสิ่งของจำเป็น หากไม่มีร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้กว่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจนถึงขณะนี้ ไม่มีข้อยกเว้นให้สำหรับร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกกว่า หากมีร้านที่ใกล้กว่าเป็นทางเลือก
เราจะสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์ หรือไปตัดแต่งขนได้หรือไม่?
คุณสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปหาสัตวแพทย์ได้ แต่สำหรับเรื่องการพาไปรับการตัดแต่งขน ยังคงไม่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ร้านเสริมสวยและร้านให้บริการความงามส่วนบุคคลสำหรับมนุษย์ รวมทั้ง ร้านตัดผม จะถูกปิด ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะครอบคลุมถึงบริการเพื่อความสวยงามของสัตว์เลี้ยงด้วย
การตัดหญ้าหรือดูแลต้นไม้ที่บริเวณทางเท้าหน้าบ้านของเราเอง นับรวมเป็นการอยู่บ้านหรือไม่?
เราไม่สามามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้ทันเวลาตีพิมพ์บทความ แต่เราจะนำข้อมูลในเรื่องนี้มาเติมลงในบทความนี้ทันทีที่มีข้อมูล
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จะเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้