นัดระหว่างทีมซ็อคเกอร์รูส์กับเดนมาร์ก จะตัดสินความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้
หากออสเตรเลียแพ้ จะต้องมีปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะทำให้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
หากว่าเสมอกับเดนมาร์ก ออสเตรเลียจำเป็นจะต้องเอาชนะเปรูที่นครโซชีในสัปดาห์หน้า และยังต้องคอยอาศัยผลของคู่อื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ต้องการด้วย
หาก(คืนนี้)ชนะ ทีมซ็อคเกอร์รูส์ก็จะยังสามารถควบคุมชะตากรรมของพวกเขาในรัสเซียปี 2018 นี้ไว้ได้อยู่
ด้วยหนทางต่างๆ เหล่านี้ จึงมีห้าประการที่เราจะคอยจับตาคืนวันพฤหัสนี้ (เวลามาตรฐานออสเตรเลียตะวันออก)
1) จะได้ประตูอย่างไร?
ออสเตรเลียนั้นดูไม่เฉียบแหลมเมี่อคราวพบกับฝรั่งเศส
แม้ตัดโอกาสรองๆ ต่างๆ ทิ้งไป ทั้งนายแอนดรูว์ นาบเบาท์ หรือตัวเปลี่ยนของเขาคือ ทอมี ยูริช ก็ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตูฝรั่งเศศ ฮิวโก ลอริส ได้เลยเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว
ประตูเดียวของทีมซ็อคเกอร์รูส์นั้นมาจากลูกโทษ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความบกพร่องในการโจมตี
ความหวังฟุตบอลโลกของออสเตรเลียในขณะนี้นั้นขึ้นอยู่กับศูนย์หน้า ว่าจะสามารถทะลุทะลวงการสกัดกั้นของเดนมาร์กได้หรือไม่
นายวอน มาร์เวก จะต้องตัดสินใจว่ายังคงเชื่อมั่นในตัวนายนาบเบาท์ ให้นายยูริชเป็นผู้เริ่มก่อน หรือทดลองใช้ผู้เล่นอื่นในกองหน้าของเขา
ความยากลำบากที่เพิ่มขึ้น: ผู้รักษาประตูเดนมาร์ก นายแคสเปอร์ ชมิเชล นั้นขึงขังมากในครึ่งหลังเมื่อพบกับเปรูเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ออสเตรเลียจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหาทางยิงทะลวงผ่านเขาให้ได้ มิฉะนั้น ศึกฟุตบอลโลกก็จะพังทลายลงด้วยความผิดหวังต่อทีมชาติ
2. นายวอน มาร์เวก จะยังคงใช้กองกลางคนเดิมหรือไม่?
คำถามใหญ่เมื่อก่อนจะพบกับทีมฝรั่งเศสในนัดเปิดสนามของทีมออสเตรเลียนั้น เกี่ยวกับการรวมกำลังกองกลางเป็นจำนวนสามคน นายวอนมาร์เวกในครั้งนั้นเลือกนาย มีเล ยาดิแน็ก และแอรอน มอย เป็นฐาน โดยมีทอม รอเจช ในตำแหน่งบุก
ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นการตัดสินใจที่สร้างแรงใจได้ดีทีเดียว โดยทั้งนายยาดิแน็ก และนายมอย นั้นทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ในการปราบศูนย์หน้าที่น่ากลัวยิ่งของฝรั่งเศสให้เงียบลงไปได้
ถึงแม้ฟอร์มของนายรอเจชอาจไม่น่าประทับใจเท่า(สองคนดังกล่าว) โดยบางครั้งก็ไม่ค่อยมีใครเห็นเขา แต่การส่งลูกขึ้นหน้าของเขานั้นดีทีเดียว จนเมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
ปัญหาของนาย วอน มาร์เวกในเรื่องนี้: ออสเตรเลียจำเป็นต้องทั้งควบคุมการเข้าตีอย่างมีลูกเล่นของเดนมาร์กให้อยู่ เหมือนคราวที่พบกับฝรั่งเศส แต่ก็ต้องเล่นให้ทั่วสนามด้วยหากต้องการจะยิงประตูให้ได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งทีจำเป็น
จะมีการเปลี่ยนนายยาดิแน็กเป็นนาย มาสสิโม ลวงโกหรือไม่? นายแจ็คสัน เออร์วีน ซึ่งถูกเปลี่ยนเข้าลงเล่นในครึ่งหลังกับฝรั่งเศส จะค้นพบบทบาทของเขาในทีมสิบเอ็ดคนตั้งแต่นัดแรกๆ เช่นนี้ได้หรือไม่?
หรือว่าหัวหน้าทีมซ็อคเกอร์รูส์คนใหม่จะยึดตามแผนการที่ใช้ได้ผลดีมาแล้วกับทีมฝรั่งเศส และหวังว่าจะได้ประตู?
ทีมเดนมาร์กนั้น มีแนวโน้มที่จะมีกองหลังที่วางตัวเป็นแถวเรียงลึก ทำให้เหลือพื้นที่บริเวณมิดฟิลด์ให้แก่ฝ่ายตรงข้าม การเลือกตัวผู้เล่นของนายวอน มาร์เวกนั้นจะเป็นปัจจัยตัดสินเลยทีเดียว
3. ออสเตรเลียจะสามารถควบคุมนายคริสเตียน เอริกเซน ได้หรือไม่?
ทีมเดนมาร์กนั้นไม่ได้มีคนเก่งแค่คนเดียว
นายทอมัส เดลานีย์จากแวร์เดอร์เบรเมนนั้นเป็นกองกลางที่แข็งแกร่งราวกับหินผา นายยูซุฟ พูลเซน ก็ยิงประตูชัยชนะเมื่อพบกับเปรู และกัปตันทีม ซิมอน แคร์ ก็เป็นแรงหนุนที่คงเส้นคงวาอยู่ทางด้านหลัง
ในขณะเดียวกัน นายพิโอเน ซิสโต ซึ่งเกิดในประเทศอูกานดา ก็เป็นปีกที่ไม่มีใครคาดเดาได้ และสามารถที่จะสร้างความผลิกผันได้บริเวณปีกซ้ายขวาของสนาม
แต่หัวใจของทีมเดนมาร์กนั้นคือนายคริสเตียน เอริกเซน
ดาราจาก(สโมสร)ทอทนั่มคนดังกล่าวนั้น เล่นอย่างเงียบๆ เมื่อพบกับทีมเปรู ซึ่งก็สามารถกันเขาออกให้อยู่อย่างอย่างโดดเดี่ยวได้สำเร็จ
ถึงเขาจะช่วยให้นายพูลเซนยิงประตู แต่นายเอริกเซนก็พบกับความยากลำบากในการที่จะทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งปกติเขาก็ทำได้อย่างมีลูกเล่น
หากทีมซ็อคเกอร์รูส์สามารถทำเช่นนั้น เหมือนกับที่ทีมเปรูทำได้ ออสเตรเลียก็จะอยู่ในตำแหน่งที่น่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่พวกเขาต้องการ
หากปล่อยให้นายเอริกเซนวิ่งโดยไม่มีใครขวาง มันก็จะเป็นคืนที่น่าเหนื่อยหน่ายทีเดียวสำหรับแฟนฟุตบอลชาวออสเตรเลียที่ชมอยู่กับบ้าน
4. ทีมออสเตรเลียจะฟิตแค่ไหน?
นัดที่สองของฟุตบอลโลกนั้น อาจต้องใช้ความทรหดทางร่างกายอย่างมาก
ผู้เล่นของทั้งสองทีมมีเวลาพักเพียงสี่วันจากนัดแรกของพวกเขา
โดยที่ไม่เหมือนกับนัดต่างๆ ของกลุ่ม C ในวันอังคารหน้าซึ่งหากไม่รอดก็คือต้องร่วงแน่ๆ การปะทะกันครั้งนี้ไม่ชี้เป็นชี้ตายถึงขนาดนั้น จึงอาจไม่มีอะดรีนาลินหลั่งกันเท่าที่ควร
หลังจากการฝึกซ้อมก่อนทัวร์นาเมนท์ ที่แคมป์ในประเทศตุรกี มีรายงานว่าทีมซ็อคเกอร์รูส์นั้นมีสภาพร่างกายที่เยี่ยมยอด
นายวอน มาร์เวกชี้แนะเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) ว่าผู้เล่นทั้ง 23 คนนั้นพร้อมลงเล่นและไม่มีเรื่องน่าวิตกกังวลใดๆ เกี่ยวกับสภาพร่างกาย
ออสเตรเลียนั้นยังมีข้อได้เปรียบเพิ่มขึ้นจากการเดินทางเป็นเพียงระยะสั้นจากฐานที่เมืองคาซานไปยังเมืองซามารา ซึ่งใช้เวลาบินเพียงหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่เดนมาร์คนั้นต้องเดินทางไกลมาจากเมืองอะนาปา ซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ทริมทะเลดำ
5) ใครที่วอน มาร์เวกจะเลือกเป็นตัวสำรอง
หากว่าแผน A ล้มเหลว โค้ชวอน มาร์เวกก็โชคดีที่ยังมีตัวบุกให้เลือกอีกหลายคน
คาดว่านายเจมี แมคลอเรนไม่น่าจะเริ่มเล่นแต่แรก แต่ความมั่นใจที่เขาได้มอบให้กับทีมจากการแข่งขันระดับสโมสรที่แข็งแกร่งทั้งปี อาจช่วยหนุนทีมซ็อคเกอร์รูส์ได้หากถูกเปลี่ยนตัวเข้ามา
นายวอน มาร์เวกนั้นเลือกนายแดเนียล อาร์ซานีเพื่อสู้กับฝรั่งเศส โดยได้นำผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดของทั้งทัวร์นาเมนท์คนดังกล่าว ลงในช่วงหกนาทีสุดท้ายของเวลาปกติ(ก่อนทดเวลาบาดเจ็บ)
เขากล่าวกับสื่อในสัปดาห์ที่แล้วว่า ในใจของเขาขณะอุ่นเครื่องนั้นมีสิ่งเดียวที่ผ่านเข้ามา: “พระเยซูเจ้า นี่มันเจ๋งทีเดียว!” (“Jesus Christ - this is pretty cool!”)
นายอาร์ซานี จะได้รับโอกาสอีกครั้งหรือไม่
หรือว่าผู้จัดการทีมออสเตรเลียชาวดัตช์จะหันไปพึ่งพานายทิม เคฮิล ผู้ซึ่งได้เคยช่วยชีวิตทีมซ็อคเกอร์รูส์ไว้อย่างนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต
เขามีอายุ 38 ปีแล้ว โดยบางคนไม่เห็นว่าเขาจะสามารถส่งผลต่อเกมได้เหมือนที่เคยในยุคทองของเขา แต่หากเดนมาร์กประมาทต่อนายเคฮิล ก็อาจจะเป็นผลร้ายต่อพวกเขาเอง
ผู้สื่อข่าว คุณ Kieran Pender รายงานจากเมืองซามารา
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
อังกฤษเฉือนชนะตูนิเซีย ฟุตบอลโลกกลุ่มจี