ประเด็นสำคัญ
- รัฐวิกตอเรียเพิ่งประกาศงบประมาณสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก มูลค่า $250 ล้านดอลลาร์ ในช่วงการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- ขณะที่อุตสาหกรรม และธุรกิจต่าง ๆ ออกมาต้อนรับการสนับสนุนของรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย แต่ก็มองว่ารัฐบาลสหพันธรัฐก็ควรที่จะให้ความช่วยเหลือเช่นกัน
- ด้านนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธทุกข้อเสนอที่จะให้รัฐบาลสหพันธรัฐอนุมัติงบประมาณสนับสนุนระบบเศรษฐกิจให้กับรัฐวิกตอเรีย
บรรดาธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มสหภาพ ต่างต้อนรับโครงการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กของรัฐบาลรัฐวิกตอเรียในช่วงการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า $250 ล้านดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้กล่าวไปยังรัฐบาลสหพันธรัฐว่า ควรที่จะออกมาตรการให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
มาตรการเยียวยาดังกล่าวนั้น มุ่งเป้าเพื่อช่วยเหลือธุรกิจในรัฐวิกตอเรียกว่า 90,000 แห่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
นางเฟลิเซีย มาริอานา (Felicia Mariana) จากสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรัฐวิกตอเรีย (The Victoria Tourism Industry Council) เชื่อว่า รัฐบาลสหพันธรัฐควรที่จะให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจต่าง ๆ ด้วยการนำนโยบายเงินชดเชยค้าจ้างจ๊อบคีปเปอร์ (JobKeeper) กลับมาอีกครั้ง
“ตอนที่เราสิ้นสุดโครงการจ๊อบคีปเปอร์ลงเมื่อปลายเดือน มี.ค. เราทำลงไปด้วยแผนที่ว่า เราอาจจะมีวัคซีนเข้ามาเป็นจำนวนมากภายในสิ้นเดือนนั้น ในเวลานั้นเราทำลงไปด้วยเจตนาดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถทำให้โครงการวัคซีนประสบความสำเร็จได้อย่างที่เราคาดหวังไว้” นางมาริอานากล่าวกับวิทยุ ABC เมื่อวันจันทร์
นายทิม พาลาส (Tim Pallas) รัฐมนตรีการคลังในรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย ได้กล่าวโจมตีรัฐบาลสหพันธรัฐ ซึ่งปฏิเสธที่จะมอบความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ
“เราให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเขากลับไม่ยอมที่จะให้อะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่มีอะไรที่น่าละอายไปมากกว่านี้” นายพาลาส กล่าว
นายพาลาส ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหพันธรัฐกลับมาประกาศใช้โครงการเงินชดเชยรายได้จ๊อบคีปเปอร์ หรือโครงการช่วยเหลืออื่น ๆ ตลอดสัปดาห์ของการล็อกดาวน์ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย
แต่ นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้ปฏิเสธทุกข้อเสนอจากรัฐมนตรีการคลังรัฐวิกตอเรีย โดยชี้ว่าโครงการสนับสนุนตลอดการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 นั้นมีความบกพร่องหากเทียบกับโครงการสนับสนุนของรัฐบาลสหพันธรัฐ และได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย สามารถที่จะครอบคลุมค่ายใช้จ่ายงบประมาณโครงการสนับสนุนช่วงล็อกดาวน์ภายในรัฐของตนเองได้
“เราจะยังคงสนับสนุนรัฐวิกตอเรียต่อไป เพื่อให้รัฐวิกตอเรียยังคงเปิด และทำทุกสิ่งที่เราทำได้ เพื่อให้แน่ใจว่ารัฐวิกตอเรียจะไม่ปิดตัวเองอีกครั้ง” นายมอร์ริสัน กล่าว
ด้าน นายจิม ชาลเมอส์ (Jim Chalmers) โฆษกด้านการคลังของพรรคแรงงาน กล่าวโจมตีรัฐบาลสหพันธรัฐ กรณีถอนการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจในระดับชาติเร็วเกินไป
“เราได้กล่าวมาตลอดว่า โครงการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจนั้นควรมีการปรับให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เรามีความกังวล เพราะรัฐบาลชุดนี้ถอนการสนับสนุนระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่กลับเปิดตัววัคซีน และแสดงความรับผิดชอบเรื่องระบบกักกันโรคอย่างล่าช้า” นายชาลเมอส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงแคนเบอร์รา
นอกจากนี้ พรรคแรงงานยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหพันธรัฐกลับมาจ่ายเงินสนับสนุนให้คนทำงานแคชวลสามารถหยุดงานไปรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาได้ เนื่องจากเงินสนับสนุนในลักษณะนี้ จะจ่ายให้เพียงผู้ที่ไม่สามารถลาหยุดงานโดยมีค่าตอบแทนได้ และจะต้องเป็นกรณีของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือผู้ที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อเท่านั้น
“จะต้องไม่มีคนทำงานในรัฐวิกตอเรีย ที่ต้องเลือกตัดสินใจ ระหว่างการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อครอบครัว หรือเพื่อเพื่อนร่วมงาน เราจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม” นายชาลเมอส์ กล่าว
ขณะที่นายบาร์นาบี จอยซ์ ส.ส. จากพรรคเนชันแนล ได้ออกมาตอบโต้กับเสียงเรียกร้องที่จะให้รัฐบาลสหพันธรัฐมอบเงินชดเชยรายได้กับชาวรัฐวิกตอเรียที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงล็อกดาวน์
“หากแนวทางแก้ปัญหาใดก็ตามเป็นสิ่งที่สร้างหนี้มากขึ้น ท้ายที่สุดแล้วเราก็จะมีแต่หนี้ และมันจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่พอกับโควิด-19” นายจอยซ์ กล่าวกับโทรทัศน์เซเวนนิวส์
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
กว่า 40% ของชาวออสซีที่ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินต้องอดมื้อกินมื้อ