มีความเป็นไปได้ว่า ร่างกฎหมายที่จะทำให้ชาวออสเตรเลียที่ใช้เงินสดเกิน 10,000 ดอลลาร์ในการชำระค่าสินค้า บริการ และในธุรกิจ มีความผิดที่อาจมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี จะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
ในร่างงบประมาณปี 2018-19 รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสกอตต์ มอร์ริสัน ได้ประกาศว่า จะประกาศใช้ข้อบังคับที่จะกำหนดให้การทำธุรกรรมทางการเงิน และการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเงินสด สามารถทำได้ไม่เกิน $10,000 ดอลลาร์ การทำรายการใดๆ ที่มีมูลค่าเท่ากับ หรือมากกว่าข้อกำหนดดังกล่าว จะต้องทำผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือจ่ายผ่านเช็คธนาคาร
มีการคาดว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม ปี 2020 โดยมีจุดประสงค์ในการรับมือกับผู้หลบเลี่ยงการจ่ายภาษี และกิจกรรมทางอาชญากรรมอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ซีพีเอ ออสเตรเลีย องค์กรซึ่งเป็นตัวแทนหน่วยงานด้านบัญชีระบุว่า ถึงแม้จะสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว แต่การเชื่อมโยงการใช้เงินสดกับคดีอาชญากรรมนั้นเป็นเรื่องที่เลยเถิด
“ร่างกฎหมายนี้ อาจทำให้คนทั่วไปต้องถูกปรับหรือจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี เพียงเพราะพวกเขาใช้เงินสดด้วยจุดประสงค์ใดๆ ก็ตาม” ดร. แกรี ฟลูแกรธ (Dr Gary Pflugrath) กล่าวในการยื่นร่างกฎหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ องค์กรดังกล่าวยังระบุถึงปัญหาที่จะตามมา หากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการประกาศใช้ เช่น การดำเนินคดีที่ไม่มีความจำเป็น การได้รับความผิดทางอาญาแทนผู้อื่น และปัญหาในการต่อสู้ด้านคดีความที่อาจไม่เท่าเทียม
ด้าน นายมัลคอล์ม โรเบิร์ตส์ จากพรรควัน เนชั่น กล่าวว่า ทางพรรคจะขอคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ที่จะมีการพิจารณาในสภาช่วงฤดูในไม้ผลิที่จะถึงนี้
“เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายย่อมชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย” นายโรเบิร์ตส์กล่าว
ด้าน นายไมเคิล ซักการ์ส ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า มีหลักฐานชัดเจนที่ระบุว่า แกงค์อาชญากรจะใช้เงินสดเป็นจำนวนมากในการซื้อรถชนต์ บ้าน และเครื่องประดับ ในการฟอกเงินจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เขายังได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการฝากหรือถอนเงินของประชาชนตามปกติ และรวมถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในวิธีชำระเงินกับอีกฝ่ายที่เป็นลูกค้า
“ตัวอย่างก็คือ หากคุณจะขายสินทรัพย์ส่วนตัวให้กับบุคคลธรรมดา เช่น รถยนต์ราคา $15,000 ดอลลาร์ คุณก็ยังสามารถใช้เงินสดได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากคุณไปซื้อรถยนต์กับตัวแทนจำหน่าย คุณจะไม่ใช่เงินสดชำระค่าสินค้าที่มากกว่า $10,000 ดอลลาร์” นายซักกาส์กล่าวกับเอเอพี
นายสตีเฟน โจนส์ สมาชิกแถวหน้าจากพรรคแรงงาน กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเหตุผล
“ผู้คนที่ยังชำระเงินสดเกิน $10,000 ดอลลาร์ ก็คือกลุ่มคนเดียวกันที่ไม่จ่ายเงินซูเปอร์ให้ลูกจ้าง ไม่จ่ายภาษี และบรรดาบริษัทที่หลบเลี่ยงการชำระหนี้” นายโจนส์กล่าวกับเอเอพี
“ในวันที่ผู้คนชำระเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคาร หรือแตะโทรศัพท์กับเครื่อง EFTPOS มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้มีการจ่ายเงินสดมากกว่า $10,000 ดอลลาร์” นายโจนส์กล่าวเสริม
นอกจากนี้ นายโจนส์ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลควรมุ่งเน้นไปที่การขยายกฎหมายให้ครอบคลุมการใช้สกุลเงินเข้ารหัส (Cryptocurrency) ซึ่งผู้ก่อความไม่สงบและอาชญากรนิยมใช้
รายการ เอสบีเอส ไทย ออนไลน์ ออกอากาศสดหนึ่งชั่วโมงเต็ม กดฟังได้ที่เว็บไซต์ ทุกจันทร์และพฤหัสบดี 22.00 น. (เวลาซิดนีย์/เมลเบิร์น) หลังจากนั้นฟังซ้ำได้ทุกเมื่อ
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
เอทีโอเตือนรายได้ในต่างประเทศก็ต้องแจ้งด้วย